แอสเตอร์ดอกซ้อน ขาว ชมพู ม่วง
สีละ 40 เมล็ดราคา 20 บาท
วิธีการเพาะเมล็ด
การเพาะเมล็ดในกระบะ ให้ใช้ขุยมะพร้าว ทราย ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยคอก อย่างละ 1 ส่วน หากเพาะในแปลงให้ปรับปรุงดินให้ร่วนซุยและค่อนข้างละเอียด เกลี่ยผิวดินให้สม่ำเสมอที่สุด การเพาะให้ทำร่องขวางกระบะหรือแปลงเพาะลึก 0.5 ซม. แต่ละร่องห่างกันประมาณ 1 นิ้ว ใช้คีมคีบเมล็ดวางในร่องทีละเม็ด ระยะห่างพอควร กลบด้วยวัสดุเพาะหรือดินละเอียดบาง ๆ ใช้บัวรดน้ำที่ฝอยที่สุดจนชุ่ม คลุมกระบะหรือแปลงเพาะด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อช่วยรักษาความชื้น รดน้ำเช้า-เย็น ลงบนกระดาษ เมล็ดจะงอกภายใน 3-5 วัน เมื่อต้นกล้าสูงประมาณ 5-6 นิ้ว จึงย้ายกล้าไปปลูก ซึ่งควรปลูกในตอนเย็น และทำร่มเงาบังต้นกล้าจนกว่าต้นจะตั้งตัวได้
การเตรียมดินและแปลงปลูก
ก่อนปลูกควรมีการเตรียมดินหรือปรับปรุงดินให้มีคุณภาพ มีธาตุอาหารเพียงพอต่อการเจริญเติบโต โดยขุดดินให้ลึกประมาณ 1 ฟุต แล้วตากดินเพื่อฆ่าเชื้อโรคและแมลงประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ย่อยดินให้ละเอียดใส่อินทรีย์วัตถุที่สลายตัวแล้วอย่างเช่น เศษฟาง เปลือกถั่วลิสง ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยชีวภาพ หรือปุ๋ยพืชสด เพื่อให้ดินมีความร่วนซุย สามารถเก็บความชื้นและมีการระบายน้ำดี ปรับค่า pH ของดินให้อยู่ระหว่าง 6.5-7
แปลงที่ใช้ปลูกแอสเตอร์อาจใช้วิธียกร่องแบบภาคกลาง หรือยกร่องเตี้ย ๆแล้วทำขอบแปลงให้สูงกว่าระดับแปลงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกจากแปลงเวลารดน้ำ ก่อนปลูกควรรดน้ำดินให้ชุ่มทิ้งไว้ 1 วันก่อนปลูก ระยะปลูกระหว่างต้นและแถวประมาณ 25×25 ซม. หลังจากกลบดินเรียบร้อยแล้วควรคลุมแปลงปลูกและรดน้ำให้ชุ่มการคลุมแปลงจะช่วยรักษาความชื้นรักษาอุณหภูมิและช่วยป้องกันวัชพืช วัสดุที่ใช้คลุมแปลง เช่น ฟางข้าว เศษหญ้าแห้ง เปลือกถั่ว หรือวัสดุอื่นที่มี และในช่วงแรกของการนำต้นกล้าไปปลูกควรมีการพลางแสงให้ต้นกล้าด้วย
การให้น้ำ
หลังจากย้ายปลูกแล้วควรรดน้ำใช้ดินชุ่มมากพอที่จะซึมลงสู่ราก เพียงวันละครั้งในช่วงเช้า ซึ่งจะทำให้ต้นแอสเตอร์นำน้ำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าในช่วงเย็น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคเชื้อราที่เกิดจากความชื้นได้อีกด้วย เมื่อแอสเตอร์เริ่มให้ดอกควรรดน้ำเฉพาะส่วนโคนต้น ระวังอย่าให้โดนดอกเพราะจะทำให้เกิดโรคได้ง่าย
การให้ปุ๋ย
ในระยะแรกของการปลูกแอสเตอร์ควรใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้น กิ่ง และใบ ในระยะนี้หากแอสเตอร์ขาดไนโตรเจนจะโตช้า ใบมีสีเหลือง กิ่งก้านยาว เล็ก และอ่อนแอ โดยให้ใส่ปุ๋ยครั้งแรกหลังย้ายปลูก 1 เดือน เมื่อแอสเตอร์เริ่มแทงช่อดอกควรให้ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูงเพื่อเร่งดอก หลังใส่ปุ๋ยทุกครั้งควรรดน้ำตามทันที หรือฉีดพ่นด้วยน้ำหวานหมักจากผลไม้ใช้ฉีดพ่นแบบฮอร์โมนพืชให้ผลในการบำรุงดีมาก โดยเฉพาะในช่วงที่พืชกำลังออกดอก แต่เมื่อดอกบานควรงดให้ปุ๋ย หากจำเป็นควรให้บริเวณโคนต้นระวังอย่าให้ถูกดอกเพราะจะทำให้สีดอกซีด ก้านดอกไม่แข็งแรง และบานไม่ทน
การเด็ดยอด
หากพบว่าต้นแอสเตอร์สูงชะลูดเกินไป ให้เด็ดยอดออกเสียบ้างเพื่อให้ต้นแตกกิ่งข้างเพิ่มขึ้นเป็นผลให้ได้จำนวนดอกเพิ่มตามมา ดอกที่ได้จะมีคุณภาพและบานพร้อม ๆ กัน การเด็ดยอดมักทำทันทีที่ต้นแม่ตั้งตัวได้ดีแล้ว วิธีการเด็ดยอดที่นิยมที่สุดคือเด็ดเอาส่วนยอดออกประมาณ 0.5-1 นิ้ว วิธีนี้จะทำให้ตาข้างแตกได้เร็วกว่าวิธีอื่น แต่การพิจารณาวาจะให้มีกิ่งดอกมากน้อยเพียงใด ควรคำนึงถึงความสมบูรณ์แข็งแรงของต้นแม่เป็นสำคัญ เพราะหากมีจำนวนกิ่งมากเกินไปดอกที่ได้อาจไม่มีคุณภาพในภายหลัง
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวแอสเตอร์ไปจำหน่ายเป็นไม้ตัดดอก นิยมใช้วิธีถอนทั้งต้นโดยไม่มีการตัดรากทิ้ง เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น เมื่อนำไปใช้ประโยชน์รากจะทำหน้าที่ดูดน้ำไปหล่อเลี้ยงลำต้นและดอก ทำให้ดอกบานทนกว่า ตัดเฉพาะกิ่งดอกไปใช้ สำหรับต้นแอสเตอร์ที่พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว ให้สังเกตจากต้นที่มีดอกของส่วนยอดบานเต็มที่ แต่ดอกที่เกิดจากกิ่งแขนงยังตูมอยู่เล็กน้อย หลังจากถอนต้นแล้วให้นำรากไปล้างน้ำ เด็ดใบบริเวณโคนต้นออก 5-6 ใบมัดเป็นกำ ๆ ละ 2-3 ต้น แล้วห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ก่อนนำไปส่งตลาดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ thaikasetsart.com
สอบถาม-สั่งซื้อ
Line ID: chaipunya2014
ib: https://www.facebook.com/messages/LPflowerseed/
messenger app: http://m.me/LPflowerseed
ib: https://www.facebook.com/messages/LPflowerseed/
messenger app: http://m.me/LPflowerseed
ความคิดเห็น